FORD EVEREST 2022สิ้นสุดการรอคอย All New FORD EVEREST 2022 เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร V6 รองรับตลาดต่างด้วยเครื่องยนต์ดีเซล Bi-Turbo 2.0 ลิตร และดีเซลเทอร์โบเดี่ยว 2.0 ลิตร รวมถึงเครื่องยนต์เบนซิน 2.3 ลิตรในบางประเทศ
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ เผยโฉม 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่นสปอร์ต รุ่นไทเทเนียมพลัส และรุ่นย่อยใหม่ล่าสุดคือรุ่นแพลทินัม แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างเหมาะสม โดยรายละเอียดอื่นๆ จะได้รับการเปิดเผยช่วงใกล้การเปิดตัวในประเทศนั้นๆ
มีทั้งหมด 7 สี
- BLUE LIGHTNING
- ABSOLUTE BLACk
- ALUMINIUM
- ARCTIC WHITE
- METEOR GREY
- SEDONA ORANGE
- EQUINOX BRONZE
โหมดการขับขี่
ประกอบด้วย Normal, Eco, Tow Haul และ Slippery
ในขณะที่โหมด off-road ที่มีใน 4×4 Trend, Sport และ Platinum รวมถึง Mud/Ruts และ Sand
แชสซี
โดยรวมแล้ว Ford ได้รักษา Everest เอาไว้ให้ยาวเท่าเดิม แต่ระยะฐานล้อเพิ่มขึ้น 50 มม. จากรุ่นก่อนหน้า แทร็กเพิ่มขึ้น 50 มม.
ในขณะที่ความกว้างเท่ากันและความสูงเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย
ล้อ
ล้ออัลลอยด์ขนาด 21 นิ้ว
ระบบขับเคลื่อน
ทุกรุ่นมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบถาวรโดยใช้กล่องเกียร์ไฟฟ้าสองจังหวะแบบออนดีมานด์ที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์พร้อมโหมดออฟโรดที่เลือกได้
สมรรถนะ
สามารถลุยน้ำได้สูงสุด 800 มม.
กำลังและหน่วยความจำ 10 ทิศทาง
ตะขอเกี่ยว
ทุกรุ่นมีตะขอเกี่ยวที่ใช้งานได้สองอันที่ด้านหน้า ในขณะที่มีการป้องกันใต้ท้องรถเพื่อป้องกันส่วนประกอบต่างๆ เช่น ระบบบังคับเลี้ยว อ่างน้ำมันเครื่อง และกล่องขนย้าย หลังคาของเอเวอเรสต์สามารถรองรับน้ำหนักบรรทุกคงที่ได้มากถึง 350 กก. และโหลดไดนามิกสูงสุด 100 กก. โดยรุ่นแพลตตินัมมีรางหลังคาแบบแยกอิสระ เหมาะสำหรับสายแคมป์ปิ้ง
การออกแบบกระจังหน้า
เป็นเอกลักษณ์ของแพลตตินัมที่เน้นตาข่ายและซิลค์โครมเน้นเสียงสร้างความรู้สึกที่มีความซับซ้อนและพรีเมียม ตัวอักษร ‘แพลตตินั่ม’ บนฝากระโปรงรถ
หลังคา
หลังคาแบบมูนรูฟ มาพร้อมกับพื้นที่เหนือศีรษะมากขึ้น ช่วยเพิ่มความรู้สึกภายในที่กว้างขวาง
ไฟหน้า
- ไฟหน้า LED เมทริกซ์ ส่องสว่างแบบ C-clamp ที่จะมาในรถรุ่นไทเทเนียมและแพลทินัม
- ไฟเลี้ยวแบบปรับอัตโนมัติ ไฟหน้าแบบลดความจ้าของแสงและระบบไฟที่ปรับตามความเร็วของรถที่ปรับความสว่างไปตามการขับขี่
- ในบางประเทศมีระบบสั่งการเปิด-ปิดไฟภายนอกแบบแยกส่วน พร้อมฟีเจอร์แบบ 360 องศา สามารถควบคุมระบบได้ด้วยหน้าจอสัมผัส
ระบบสั่งการ
ทุกรุ่นมีระบบอินโฟเทนเมนท์ Sync 4A พร้อม Android Auto และ Apple CarPlay แบบไร้สาย แถบทั้งหมด Ambiente ใช้ระบบ Infotainment หน้าจอสัมผัสขนาด 12 นิ้วในแนวตั้ง โดยรุ่นพื้นฐานใช้ขนาด 10.1 นิ้ว
ระบบเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติมีระบบตรวจจับคนเดินถนน และตอนนี้มีระบบช่วยทางแยก การใช้เบรคหากตรวจพบว่าคุณกำลังจะชนกับการจราจรที่สวนมาขณะเลี้ยว
ระบบช่วยเบรคถอยหลังของ Ford ทำงานที่ความเร็ว 2-12 กม./ชม. และเบรคจะทำงานหากตรวจพบว่าคุณกำลังถอยหลังในรถยนต์ นักปั่นจักรยาน หรือคนเดินถนน
มีถุงลมนิรภัยทั้งหมด 9 ใบ โดยมีถุงลมนิรภัยตรงกลางแบบใหม่ระหว่างผู้โดยสารด้านหน้าเพื่อป้องกันไม่ให้ชนกันจากการกระแทกด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัยยังคงครอบคลุมทั้งสามแถว ขณะที่มีถุงลมนิรภัยบริเวณเข่าคู่หน้า
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้มีคุณสมบัติหยุด/ไปและศูนย์เลน และทำงานร่วมกับการจดจำป้ายจราจร
ช่วยควบคุมการหมุนพวงมาลัย การเหยียบคันเร่งและเบรก สามารถออกจากช่องจอดแคบ ๆ ได้ด้วยตัวเอง
พื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสารกว้างขวางขึ้น พื้นที่บริเวณข้อศอก ที่วางขาหน้าและหลังกว้างขึ้น ช่วยให้การเข้า-ออกเบาะแถวที่ี 3 สะดวกขึ้น
การตกแต่งภายในที่หรูหราเหนือระดับประกอบด้วยเบาะนั่งหุ้มหนังระดับพรีเมียมแบบปรับความร้อนและระบายอากาศสำหรับคนขับและผู้โดยสารและไฟแอมเบี้ยนไลท์
เบาะนั่ง
ด้านคนขับ เบาะสั่งทำพิเศษ การออกแบบผ้านวม
แถวที่สองที่เลื่อนได้แบ่ง/พับ 60:40 โดยแถวที่สามมีการแบ่ง 50/50 ทั้งสองแถวได้รับการออกแบบให้พับราบได้
พื้นที่เก็บสัมภาระ
ด้านหลังทรงเหลี่ยมมีพื้นที่เก็บสัมภาระ 537L โดยพับแถวที่สามขึ้น 39L สำหรับรถขาออก เมื่อใช้แถวที่ 3 มี 199 ลิตร ปรับปรุง 23 ลิตร
ลำโพง ดีไซน์หรู เสียงระดับ HiGH-End B&O
ทั้งนี้ข้อมูลทั้งหมดที่นำเสนอ เป็นเพียงข้อมูลบางส่วนของทางฟอร์ดทั่วโลก ต้องมาดูกันอีกทีว่าในไทยจะมีตัวไหน และออฟชั่นที่ให้มามีอะไรบ้าง